ขอสิทธิในการเลือกวัคซีน

ขอสิทธิในการเลือกวัคซีน

ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2562 ทั่วโลกเผชิญการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากจีนจนมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 150 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 3 ล้านคน
ปัจจุบันบริษัทยาในต่างประเทศหลายแห่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต่อต้าน COVID-19 โดยวัคซีนแต่ละยี่ห้อมีประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงแตกต่างกัน
กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีนี้ประเดิมฉีดวัคซีนต่อต้าน COVID-19 โดยคณะรัฐมนตรีนี้เลือกใช้วัคซีน AstraZeneca (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และมีผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยันถึงประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 กว่าร้อยละ 80 (แม้จะฉีดเพียงเข็มแรก)
ขณะที่วัคซีน SinoVac (จีน) ที่รัฐบาลจัดสรรเพื่อฉีดให้กับประชาชนมีสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 เพียงร้อยละ 50 ซึ่งต่ำกว่าวัคซีน AstraZeneca อย่างมาก
อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับประชาชนเป็นไปอย่างล่าช้า อีกทั้งสื่อมวลชนหลายแห่งนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของผู้ได้รับวัคซีน COVID-19 หลายกรณี กระแสข่าวเหล่านี้สร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนอย่างมาก
นอกจากนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 ยังปฏิเสธการฉีดวัคซีน COVID-19 หรือขอเลือกฉีดวัคซีนที่ตนเองต้องการ ข่าวนี้ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีก
ล่าสุดรัฐบาลเห็นชอบให้ฉีดวัคซีน SinoVac ซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองจาก WHO ให้กับผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี ทั้งที่คณะรัฐมนตรีนี้ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุเกิน 60 ปีไม่มีผู้ใดได้รับวัคซีนยี่ห้อนี้ นโยบายนี้แสดงให้เห็นถึง "ความเห็นแก่ตัว" ของรัฐบาลนี้
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 กำหนดให้รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง
การบังคับฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยที่ประชาชนไม่มีสิทธิเลือกยี่ห้อวัคซีนถือเป็นการละเมิดสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ เราจึงขอให้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิเลือกยี่ห้อวัคซีนเอง