เอาผิดทางกฎหมาย ผู้ชายทำท้องแล้วทิ้ง

เอาผิดทางกฎหมาย ผู้ชายทำท้องแล้วทิ้ง
ทำไมแคมเปญรณรงค์นี้ถึงมีความสำคัญ
เรื่องเซ็กซ์กับผู้ชายนั้น มันอยู่ข้างๆ กัน แต่หากรักจะชิงสุกก่อนห่ามแล้วก็ต้องรู้จักการป้องกัน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาเรื่องฝ่ายหญิงตั้งท้อง และ ปัญหานี้จะไม่ใช่ปัญหา เมื่อฝ่ายชายยินยอมที่จะรับผิดชอบ และ ทางฝ่ายหญิงเขาก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเกิดว่า ผู้ชายไม่รับ ปัญหาต่าง ๆ ย่อมตามมาอย่างแน่นอน เช่น การทำแท้งเถื่อน ซึ่งเกี่ยวพันทั้งชีวิตของแม่ ชีวิตของเด็ก และ ชีวิตของคนรอบข้าง จนลุกลามกลายเป็นปัญหาของสังคม เด็กหญิงที่ตั้งท้อง ส่วนมากโรงเรียนก็จะไล่ออก แต่ฝ่ายชายกลับเรียนอยู่ได้ บางรายไปทำคนอื่นท้องอีก เป็นการไม่ยุติธรรมต่อฝ่ายหญิง และเหตุผลส่วนใหญ่ของการไปทำแท้งก็คือ ไม่สามารถเรียนต่อได้ และ มีอีกหลายปัญหาที่ตามมา เช่น แม่เลี้ยงเดี่ยวมีมากขึ้น ปัญหาการทำแท้งที่ส่งผลต่อสุขภาพ และ ความปลอดภัย ครอบครัวหลายผัวหลายเมีย ที่ส่งผลอย่างมากกับความอบอุ่นของครอบครัว และ เด็กจากการขาดความรับผิดชอบ จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับภาพความบิดเบี้ยวของครอบครัว
ผู้หญิงส่วนหนึ่งเมื่อท้อง และ ฝ่ายชายไม่ดูแล ไม่รับผิดชอบ มักรับผิดชอบตัวเอง เพราะด้วยกรอบ การท้องไม่มีพ่อ ผ่านไปกี่สมัย ยังเป็นเช่นเดิม คือ น่าอาย น่าตำหนิ ทำตัวไร้ค่า โดยขาดการพิจารณารอบด้าน และ ฝ่ายชายก็รอดจากการเป็นจำเลยสังคม เพราะผู้หญิงเอง เมื่อเกิดปัญหา ก็มักจะ ไม่โวยวายเรียกร้อง
ปัจจุบันกรณีที่ฝ่ายชายทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบไม่ได้มีโทษทางอาญา นอกจากการข่มขืน หรือ พรากผู้เยาว์ แต่สามารถฟ้อง เรียกร้องให้ฝ่ายชายรับผิดชอบ ค่ากินอยู่ ค่าเล่าเรียน และ ค่าใช้จ่ายของเด็กได้ แต่อย่างไรก็ตามภาระทั้งหมดก็จะตกอยู่กับฝ่ายหญิงแต่เพียงผู้เดียว
กฎหมายปัจจุบันที่เกี่ยวข้องก็มีเพียงประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดฐานทำให้แท้งลูก ก็ดูจะเอาผิดแต่ฝ่ายหญิง และ ผู้รับทำแท้งเถื่อนเป็นหลักเท่านั้น
จึงอยากเสนอให้มีการเพิ่มกฎหมาย
โดยกำหนดบทลงโทษผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องและไม่รับผิดชอบ
ต้องได้รับโทษ จำคุก 2 ปี รวมทั้งพ่อแม่ผู้ชายต้องรับโทษด้วยถูกปรับ
พร้อมจ่ายค่าชดเชยการเลี้ยงดู
การมีกฎหมายนี้จะเป็นมาตรการป้องปราม หรือ อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ชายรู้จักป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัย และ มีความรับผิดชอบมากขึ้น
ท้องต้องดูแล ถ้าไม่พร้อมดูแลต้องป้องกัน
หญิงต้องรู้ ชายต้องทราบ เป็นข้อตกลงร่วมกัน