รณรงค์ปลดจตุพร(รองแม่ทัพภาค4)ออกจากพื้นที่

รณรงค์ปลดจตุพร(รองแม่ทัพภาค4)ออกจากพื้นที่
สมาคมโรงเรียนเอกชนใต้ไล่จตุพร ฟ้องช่อง7
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ที่ 8 เมษายน 2562 ณ โรงเรียนบุสตานุดดีน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้นำโดยนายขดดะรี บินเซ็นต์และตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จากจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และพัทลุง กว่า 50 คนร่วมแถลงการณ์ไล่พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 ออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ฐานที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม(ซ้ำซาก)เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไปและกระทบกระบวนการพูดคุยสันติภาพพร้อมทั้งประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาต่อช่อง7 และบุคคลต่างๆที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ดังรายละเอียดในแถลงการณ์ดังนี้
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อ วันที่ 2 เม.ย. 2562 ทางช่อง7สีได้รายงานข่าวกล่าวหาว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐสนับสนุนปีละหลายพันล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเม็ดเงินดังกล่าวถูกใช้ไปในทางที่ผิด และบางส่วนถูกใช้สนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่
เป็นสถานที่บ่มเพาะแนวคิดแบ่งแยกดินแดน เป็นสถานที่คัดเลือกบุคคลเข้าร่วมขบวนการ เป็นสถานที่ฝึกร่างกายก่อนส่งไปฝึก RKK และเป็นสถานที่รวบรวมเงินบริจาคจากสมาชิกขบวนการในพื้นที่ และที่ร้ายที่สุดกล่าวหาจัดการศึกษาไม่ได้คุณภาพ ในการนี้ทางสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ ขอออกแถลงการณ์ดังนี้
1.ขอให้สื่อมวลชน มีจรรญาบรรณในการนำเสนอข่าวพร้อมทั้งนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านเพราะมันเป็นมิติความมั่นคงและจะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ จชต.
2.ฟ้องร้องดำเนินคดีทางเเพ่งและอาญาต่อช่อง7 และบุคคลต่างๆที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์
3. ขอให้หน่วยงานรับผิดชอบให้เข้าตรวจสอบอย่างเป็นธรรมทุกสังกัด ไม่เฉพาะเจาะจงเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ภายใต้กฎหมายไทย และต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้นคำสั่งใดที่ไม่เป็นธรรมขอให้ยกเลิกและสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อสั่งคุ้มครองชั่วคราว
4.ดำเนินคดีและสั่งย้ายต่อผู้บริหารระดับสูงของหน่วยความมั่นคงที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม(ซ้ำซาก)เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไป สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วนในแก้ปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านมิติการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
5. พิจารณาใหม่เรื่องกฎระเบียบของรัฐเกี่ยวเงินอุดหนุนรายหัวที่เหมาะสมกับโรงเรียนเอกชนสอนสอนศาสนาอิสลามซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนสามัญ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับเงินเสี่ยงภัยที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของจำนวนบุคคลากรเพราะว่า ความเป็นจริงในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมีการเรียนการสอน 2 หลักสูตร คือ สามัญศึกษาจากปฐมวัยถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอิสลามศึกษา (หลักสูตรศาสนา) เด็กแต่ละคนเรียนสองหลักสูตร ดังนั้น กระบวนการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจะต้องจ้างบุคลากรทั้งศาสนา สามัญ จึงทวีคูณ 2 เท่าส่งผลให้การบริหารงานโรงเรียนแต่ละโรงจะต้องจ่ายเกือบสองเท่าของโรงเรียนเอกชนปกติที่คิดการอุดหนุนรายหัวเท่ากัน
6.จัดตั้งสภาการศึกษาชายแดนภาคใต้ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกับการจัดการศึกษาแทนที่ที่หรือคู่ขนานกับกระทรวงศึกษาส่วนหน้า
แถลงมา ณ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๒
สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้
โปรดดูลิ้งในข่าว
https://www.facebook.com/Southtv5/videos/365975920925379?sfns=copylinkios
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10219125189341027&set=pcb.10219125192581108&type=3&theater
เนื้อหาข่าว
รายงานพิเศษ : เปิดเส้นทางทุจริตเงินอุดหนุนปอเนาะ ตอนที่ 2
เงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐสนับสนุนปีละหลายพันล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเม็ดเงินดังกล่าวถูกใช้ไปในทางที่ผิด ผู้ที่ควรได้รับประโยชน์ กลับไม่ได้รับประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยเฉพาะครูที่ถูกหักเงินเดือนต่อเนื่องหลายปี จึงสงสัยว่าหักเงินไปเพื่ออะไร
หลายคนสงสัยว่า เงินอุดหนุนดังกล่าว อาจมีเงินทอนและบางส่วนถูกใช้สนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่ เพราะจากการเข้าตรวจค้นโรงเรียนบางแห่งก็พบข้อความไม่เหมาะสม
แนวร่วมขบวนการที่ถูกจับกุม เผยข้อมูลว่า โรงเรียนบางแห่งใช้เป็นสถานที่บ่มเพาะแนวคิดแบ่งแยกดินแดน เป็นสถานที่คัดเลือกบุคคลเข้าร่วมขบวนการ เป็นสถานที่ฝึกร่างกายก่อนส่งไปฝึก RKK และเป็นสถานที่รวบรวมเงินบริจาคจากสมาชิกขบวนการในพื้นที่ ขณะที่การตรวจค้นก็พบเงินซุกซ่อนในห้องทำงาน หรือห้องพักผู้บริหาร
สอดคล้องกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่ DSI พบว่าเงินอุดหนุนช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล ที่เป็นงบประมาณที่ได้รับมากที่สุด กลับมีช่องว่างให้ทุจริตได้ และแต่ละโรงเรียน ยังเหลือเงินแต่ละเดือนมากพอที่ไม่ต้องหักเงินเพิ่มจากครู หรือรับการบริจาค
ต้นตอปัญหาคือ โรงเรียนเปิดในรูปแบบมูลนิธิ เพื่อให้ได้เงินอุดหนุน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่โอนเงินเข้าบัญชีบุคคล จึงถือเป็นผู้มีรายได้ ทำให้ขณะนี้ผู้บริหารโรงเรียนหลายแห่งต้องจ่ายภาษีย้อนหลัง บางแห่งจ้างสำนักงานบัญชีเอกชน ตกแต่งบัญชี
ซึ่งขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการจากหลายภาคส่วน มาร่วมกันแก้ไขปัญหา และขอให้สังคมร่วมตรวจสอบเรื่องนี้เพราะที่ผ่านมาการศึกษาไม่ได้คุณภาพ ชั่วโมงเรียนของนักเรียนหายไปกว่า 500 ชั่วโมงต่อปี
ขณะที่สำนักงานการศึกษาเอกชน หรือ สช. เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ไม่ได้การตรวจสอบการดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะจากการตรวจสอบก็พบว่ามีโรงเรียนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ดำเนินการไม่ถูกต้อง และงบประมาณถูกใช้ไปเพียง 40 เปอร์เซ็นต์ แต่อีก 60 เปอร์เซ็นต์ใช้จ่ายไม่ถูกต้อง
การตรวจสอบมีเป้าหมายหลัก เพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตนักเรียนและครูให้ดีขึ้น แต่ละโรงเรียนก็ต้องปรับหลักสูตรให้เรียนวิชาสามัญเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่หากไม่ให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน
อ้างอิง https://news.ch7.com/detail/334771?refid=line&fbclid=IwAR3lEq2uFKKQja3itWNKVmihIHkfQg5fTaxK-Xj2aNJlFLIhkWeq8jlME3I